วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

แนะนำเพลงบรรเลง

ขอแนะนำเพลงบรรเลงที่ผมได้แต่งและอัดเสียงดนตรีไว้นะครับ
เป็นดนตรีชิวๆฟังสบายๆครับ
โดยผมทำเพลงในนาม "Smile Note"ครับ
หวังว่าจะสร้างความบันเทิงใจให้ทุกท่านที่ผ่านมาอ่านblogนี้นะครับ
ขอฝากสามบทเพลงนี้ไว้ผ่านหูของทุกท่านด้วยนะครับ







                                          

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ประวัติ Myles Kennedy


วันนี้จะขอพูดถึงประวัตินักร้องนำ และมือกีตาร์แห่งวง Alter Bridge ท่านนี้กันนะครับผม

            Myles เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 1969 เค้าเติบโตที่เมือง Spokane รัฐ Washington และที่นี่เองเค้าได้ ศึกษาทฤษฎีดนตรีที่  Spokane Falls Community College จนกระทั่งในปี 1990 เค้าเริ่มเส้นทางอาชีพดนตรี กับวง Cosmic Dust อันเป็นวงที่เล่นดนตรีแนว instrumental jazz โดย Myles อยู่ในวงนี้ในฐานะ มือกีตาร์ ได้ออกอัลบั้ม 1 ชุด ก่อนจะเล่นในวงที่สองคือ Citizen Swing ซึ่งเป็นแนว American alternative rock   โดยในวงนี้ได้ออกอัลบั้มสองชุดด้วยกัน ก่อนที่จะแยกย้ายกันในปี 1995 ต่อมาในปี 1996 Myles ได้ก่อตั้งและรับบทบาทนักร้องนำและมือกีตาร์ให้กับวง The Mayfield Four ซึ่งมีอัลบั้ม 2 ชุดด้วยกันและวงนี้ได้แตกลงในปี 2002 หลังจากนั้นเค้าได้รับการเชิญชวนให้เข้าร่วมกับวง Alter Bridge และมีอัลบั้ม 4 ชุดด้วยกันคือ One Day Remains, Blackbird, AB III และ Fortress

และในระหว่างที่ทัวร์คอนเสิร์ต Blackbird เค้าก็ได้รับเชิญ ให้ร่วมงานในอัลบั้มเดี่ยวของ Slash อดีตมือกีตาร์  Guns N' Roses ในเพลง Back from Cali และ Starlight

            Myles Kennedy เป็นคนที่มีความโดดเด่นในเรื่องของเสียงร้องและการเล่นกีตาร์ ถ้าให้พูดถึงเรื่องของการร้อง Kennedy มีนักร้องที่เค้าชื่นชอบคือ  Jeff Buckley, Robert Plant, Bon Scott, Chris Whitley และ k.d. lang โดย Jeff Buckley เป็นคนที่มีอิทธิพลต่อการร้องของเค้ามากที่สุด โดย Kennedy เคยกล่าวไว้ว่า เค้าต้องการจะผสมระหว่าง Rock และ Soul ไว้ในบางอย่างที่เค้าจะเรียกมันว่าเป็นตัวตนของเค้า สำหรับด้านฝีมือกีตาร์ Kennedy เริ่มต้นจากการฟัง Led Zeppelin และศึกษาการเล่นของ  Jimmy Page และมือกีตาร์อีกคนที่มีอิทธิพลต่อเค้าก็ยังรวมไปถึง Eddie Van Halen ด้วย และเนื่องจากเค้าเคยศึกษาเกี่ยวกับ Jazz ทำให้สไตล์การเล่นตอนที่เค้าอยู่ในวง  Cosmic Dust และ Citizen Swing มีการใช้เทคนิคขั้นสูงแบบ Jazz อย่างไม่ต้องสงสัย





(Credit รูป http://static.tumblr.com/f42893b685f1394e6c4c91fe06f556f7/zlzpnzj/pRamgio4v/tumblr_static_test.jpg)



(Credit รูป http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/b/b6/Slash_with_Myles_Kennedy_on_guitar_live_at_Brixton_Academy_2012-10-12.jpg)



(Credit รูป http://www.digitaljournal.com/img/2/7/4/3/7/7/i/1/5/8/o/HARG6102-3_copy.jpg)


ฟังเพลงจากผู้สนับสนุน  - Queen Jones Music


เทคนิคการค่อยๆเพิ่มระดับเสียงใน Cubase

สำหรับผู้ที่ใช้Cubase ในการทำเพลงคงมีหลายครั้งที่อยากจะค่อยๆปรับอารมณ์ของเพลงให้เสียงค่อยๆดังขึ้น ยกตัวอย่างเช่นค่อยๆให้เสียง Intro ดังขึ้น เพื่อเพิ่มมิติให้กับเพลงของเรา มีวิธีที่จะทำได้ใน Cubase ครับ โดยที่ผมใช้เป็น Cubase 5 นะครับ
โดยเริ่มจาก
1.เริ่มต้นด้วยการคลิกขวาที่ Track ที่เราต้องการจัดการความดังของเสียงครับ แล้วกดที่ Show Automation (ดังรูปครับ)

2.สังเกตุดูตรงด้านล่าง Track ที่เราเลือกจะมีกล่องเพิ่มขึ้นมาดังที่ลูกศรสีแดงชี้อยู่ในรูป


 3.สังเกตุดูใต้Track ที่เราเลือกจะมีเส้นตรงเพิ่มเข้ามาครับ
 4.ทำการคลิกจุดที่เราต้องการจะทำการลดหรือเพิ่มเสียงครับ
 5.ปรับเส้นความดังตามแต่เราชอบเลยครับ อย่างที่ผมแสดงให้ดูในรูปด้านล่างคือผมให้ท่อนแรกเบาก่อนแล้วค่อยๆเริ่มดังขึ้นมาครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ไม่ยากเลยใช่ไหมครับกับการค่อยๆเพิ่มระดับความดังของเสียงกับCubase
ขอให้สนุกกับการทำเพลงครับทุกท่าน


------------------------------------------------------------

ฟังเพลงจากผู้สนับสนุน  - Queen Jones Music

 

คีย์ลัด สำหรับ Cubase - Key Shortcuts

คิดว่าหลายคนที่เป็นนักดนตรี ชื่นชอบในเสียงเพลง ทำงานเพลง คงจะรู้จักกับโปรแกรมCubase กันแน่นอนครับ
วันนี้ผมจะมานำเสนอคีย์ลัดที่จะช่วยให้ชีวิตการทำเพลงของเราง่ายขึ้นครับ
โดยจะใช้กับ Cubase 5 นะครับ
(*หมายเหตุ : เป็นคีย์ลัดสำหรับ PC นะครับ)
เริ่มต้นที่

M          สำหรับปิดเสียงในแต่ละ Tracks (โดยTracks ที่มีสีเหลืองขึ้นที่ตัว M จะถูกปิดเสียง)
S           สำหรับเปิดเฉพาะเสียงในแต่ละ Tracks ที่ต้องการ (โดยTracks ที่มีเสียงจะขึ้นเป็นสีแดงที่ตัวS)
C           สำหรับ เปิดปิด Metronome
G           สำหรับใช้ในการ Zoom Out เมื่อต้องการดูเวฟเสียงแบบกว้างขึ้น
H           สำหรับใช้ในการ Zoom In เมื่อต้องการดูเวฟเสียงแบบแคบลง

Ctrl + Z                     สำหรับ Undo (ย้อนกลับไปที่การกระทำก่อนหน้า)
Ctrl + Shift + Z         สำหรับ Redo
Ctrl + X                     สำหรับCut
Ctrl + C                     สำหรับ Copy
Ctrl + V                     สำหรับPaste
Ctrl + A                     สำหรับ Select All
Ctrl + O                    สำหรับ Open
Ctrl + S                     สำหรับ Save

/                                สำหรับเปิดปิดการใช้ loop (การวนซ้ำ)
*                               สำหรับเริ่มต้นการอัดเสียง
Spacebar                   สำหรับ เล่น/หยุด

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคีย์ลัดเหล่านี้จะช่วยเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ในการใช้งาน Cubase ให้สะดวกสบายยิ่งขึ้นนะครับ


ฟังเพลงจากผู้สนับสนุน  - Queen Jones Music



 

วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แนะนำ10 อันดับ วง Metal ในดวงใจ (part2)


เรามาต่อกันจากโพสต์ที่แล้วกันเลยนะครับกับวงต่อไป


5.Memphis May Fire




(Credit รูปhttps://a1-images.myspacecdn.com/images03/14/61e66c32949545eba74fb5f073f74a17/300x300.jpg)
เมื่อปีที่แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมชื่นชอบไสตล์การเล่นแบบ Southern Metal ซึ่งผมก็ได้ค้นหาวงที่เล่นแนวนี้จำนวนหลายวงนั่นเองผมรู้จักวงจาก Texas วงนี้ ผมชื่นชอบทันทีที่ได้ฟังเพลง You're Lucky It's Not 1692 จากอัลบั้ม Sleepwalking และแม้ว่าในภายหลัง ทางวงจะเปลี่ยนไสตล์ แต่ผมยังคงชื่นชอบวงนี้ เพราะอีกปัจจัยหนึ่งก็คือเสียงร้องของ Matty Mullins ที่เป็นเอกลักษณ์ไพเราะในบางจังหวะ ดุดันในบางครั้ง และกระชากวิญญาณได้ในบางเวลา และยิ่งชอบมากขึ้นไปอีกในส่วนของเนื้อเพลงที่เขียนได้อย่างโดนใจและลงตัว บวกกับดนตรีที่ยังคงไว้ซึ่งท่อน Riffs ที่ดุดันตามแบบฉบับ Metal สมัยใหม่

เพลง You're Lucky It's Not 1692 เริ่มต้นด้วยกีตาร์อารมณ์แบบ Southern พร้อมด้วยการย่ำกระเดื่องเลี้ยงจังหวะไว้ ก่อนที่เสียงกีตาร์ผสมเสียงแตกจะ lead ขึ้นและนำเพลงเข้าสู่จังหวะสนุกๆ ปนกับเสียงร้องที่ดุดัน ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นการว้าก และแล้วเพลงก็ถูกเปลี่ยนอารมณ์อีกครั้งด้วยดนตรีที่หนักขึ้นอย่างมีเอกลักษณ์ในไสตล์ Southern Metal 

4.Of Mice And Men


(Credit รูป http://blog.ticketmaster.co.uk/wp-content/uploads/2015/04/OMM_Main1.jpg)

มีรุ่นน้องคนหนึ่งของผมแนะนำให้รู้จักกับ Of Mice And Men แรกเริ่มผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ตอนฟังรอบแรก เพราะขณะนั้นก็มีวงอื่นที่ต้องการจะศึกษาอยู่ก่อนแล้ว จนเมื่อได้มาตั้งใจฟังอีกครั้งกับอัลบั้มแรก
ที่ชื่อเดียวกับชื่อวง ผมหูผึ่งในทันทีนั้นก่อนจะบรรจุทั้งอัลบั้มลงใน Ipod Gen 4 เครื่องเก่าเครื่องเดียวคู่ใจของผม สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมชอบมากๆกับ Of Mice And Men ก็คือ ความเรียบง่าย แต่เท่ห์ กล่าวคือดนตรีของ Of Mice And Men ไม่ได้เน้นการโซโล่ ไม่ได้เน่น Riffs ที่เล่นได้ยาก แต่กับเลือกใช้ Riffs ที่ง่ายๆ แต่ถึงลูกถึงคน ยกตัวอย่างเช่นเพลง The Ballad of Tommy Clayton & the Rawdawg Millionaire, Ben Threw,และ They Don't Call it the South for Nothing นอจากท่อน Riffs ที่ถึงใจแล้ว เสียงร้องของ Shayley Bourget ที่มีเอกลักษณ์ก็ทำให้เพลงมีมิติขึ้นด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยพลังและมีสำเนียงการร้องที่ชวนให้ร้องตามอย่างอดไม่ได้ สำหรับเพลงที่ผมชอบคงจะเป็น Second and Sebring เพลงเริ่มด้วย เสียงร้องของ Shayley Bourget พร้อมกับกลองหน่วงๆ ผนวกกับกีตาร์ที่ใช้ใช้คู่แปดดึงอารมณ์ หลังจากนั้นก็เข้าสู่จังหวะดุเดือดตามแบบฉบับ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงท้าย ที่เมโลดี้ เนื้อเพลง และวิธีการร้องที่ดึงอารมณ์คนฟังจนถึงขีดสุด เมื่อ เสียงร้องของ Shayley ดังขึ้น "this is not what it is only baby scars..." ก่อนที่เพลงจะจบลงด้วยเสียงร้องอันไพเราะ เค้ลาไปกับเสียงเปียโน

3.I see stars

(Credit รูป http://sumerianrecords.com/data/artist/photo/12.jpg)
ในยุคที่มีวงแนว  electronicore ออกมากันไม่ขาดสาย คงทำให้หลายท่านรู้สึกเลี่ยนไปบ้างกับความซ้ำซาก ผมเองก็เช่นกัน จนแทบไม่อยากหาวงแนวนี้มาฟังแล้วจนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากฟังหลายๆวงของค่าย SumerianRecords แล้ว สายตาก็เหลือบไปเห็นวง I see stars วง electronicore จาก Michigan วงนี้เข้า ใน MV เพลง Ten Thousand Feet สาเหตุที่ผมชอบวงนี้เป็นเพราะไลน์ Electronic ของทางวง รวบรัด หมดจด และเมโลดี้สวยงามมาก เพลงที่ผมชอบก็คือ NZT48 ที่ถูกปล่อยมาเป็นซิงเกิลที่สองของอัลบั้ม Digital Renegade ผ่านทาง Youtube เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2012 เพลง นี้เริ่มด้วยเสียงร้อง ที่ค่อยๆเริ่มจากแผ่วเบาจนมีเสียง Electronic ดังขึ้นก่อนจะกระหน่ำด้วย Riffs แบบชาว Metal ก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์เพลงไปเป็น Electronic อีกครั้งพร้อมเสียงร้องแบบ Clean ก่อนที่Electronic จะค่อยๆดันเพลงขึ้นไปจนความเป็น Metal และ Electronic ร่วมกันขับกล่อมบทเพลงให้ออกมาสนุกและมันส์

2.Trivium

(Credit รูป http://p3.no/musikk/files/2013/10/trivium_sea_clothes_bald_band_6931_1366x768.jpg)
วง Metal จาก Florida วงนี้กระแทกหูผมเข้าอย่างจังราวๆปี 2006 ตอนที่น้องของผมหยิบยื่น Ipod ของเค้ามาให้ผม ผมถูกใจ Riffs กีตาร์ที่ดุเดือด ไลน์กีตาร์โซโล่ประสาน และเสียงร้องเท่ห์ๆของ Matt Heafy ก็ทำให้ผมตัดสินใจติดตามผลงานเพลงของ Trivium ในทันที ด้วยความที่ Trivium เป็นวงแรกๆที่ผมได้ฟังตั้งแต่เริ่มฟังเพลง Metal ผมจึงเห็นพัฒนาการของแนวเพลงของวงนี้มาโดยตลอด อัลบั้มที่ผมชื่นชอบที่สุดคือ In waves รองลงมาก็เป็น Ascendancy ในอัลบั้ม Ascendancy แนวเพลงเป็น Metalcore อย่างเต็มตัว จนพอมาถึงอัลบั้ม The Crusade ก็ถูกวิจารณ์ว่าให้ความรู้สึกเหมือน Mettalica ยังไงยังงั้น อย่างไรก็ตามหลังจาก The crusade ผ่านมาจนถึง Shogun จนกระทั่งทางวงออกอัลบั้ม In waves ผมก็ชอบในทันทีอัลบั้ม In waves เป็นความลงตัวของ Riffs ไลน์โซโล่ และเมโลดี้ในการร้องที่ผ่านการคัดสรรค์มาอย่างดี เพล ที่ผมชอบที่สุดในอัลบั้มนี้คือ  In Waves ชื่อเดียวกับอัลบั้ม เพลงด้วยการเริ่มต้นด้วยการหวดกลองและกระหน่ำกีตาร์แบบรุ่นใหญ่  ก่อนที่เสียงร้องที่เต็มไปด้วยเมโลดี้ที่งดงามของ Matt จะแทรกเข้ามา ในตลอดช่วงท่อนฮุค ให้ควมรู้สึกสนุกไปกับเพลงด้วย Riffs กีตาร์ตอดๆตามไสตล์ Corey Beaulieu จนกระทั่งบทเพลงนำไปสู่ท่อนโซโล่ที่รวดเร็วและเร้าใจ

1.As I lay Dying


(Credit รูป http://www.metalsucks.net/wp-content/uploads/2014/06/as_i_lay_dying.jpg)

วันที่ 18 ตุลาคม 2007 ผมมีโอกาสได้ไปชม As I Lay Dying Live in Bangkok Concert ด้วยความที่ As I lay Dying เป็นวง Metal อันดับหนึ่งในดวงใจตลอดมาอยู่แล้ว ผมได้พบกับการเล่นสดที่ต้องบอกว่า สนุก มันส์ เปิดโลกทัศน์ ได้รับแรงบันดาจใจ และเมื่อยคอเป็นอย่างมาก วงจาก  San Diego วงนี้ เอกลักษณ์ของวงอยู่ที่ Riffsกีตาร์ที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ของ Phil Sgrosso และไลน์กีตาร์โซโล่ของ Nick Hipa มือกีตาร์ตาร์หัวหยิกสุดเท่ห์ผู้นี้ ผนวกไปกับเสียงว้ากอันดุเดือดของ Tim Lambesis  ไลน์กลองของ Jordan Mancino และเบสของ Josh Gilbert แล้ว นับว่าเป็นวง Metal ที่มีครบทั้งความมันส์และความสามารถทางดนตรีที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง และในปัจจุบันสมาชิกของ As I Lay Dying จะออกไปทำวงใหม่ในนาม Wovenwar ที่ผมเองก็ชอบวงนี่เช่นกัน แต่ใน Ipod Gen4 ของผมก็ยังคงบรรุเพลงของ As I Lay Dying ไว้อยู่เสมอ ผมชอบแทบทุกเพลงของ As I Lay Dying อยู่แล้ว จึงเป็นการยากที่จะบอกว่าชอบเพลงไหนที่สุด แต่ถ้าจะให้หยิบยกมาสักเพลงก็คงจะเป็นเพลง An Ocean Between Us เพลงนี้ เริ่มต้นด้วย Riff กีตาร์ และการรัว Snare เลี้ยงอารมณ์ขึ้นมาก่อนจะกระหน่ำด้วยการควบกระเดื่อง และเข้าสู่ท่อน Verse ที่ยังคงมี Riffs ที่น่าจดจำ และประคับประคองอารมณ์ของเพลงไว้ บวกกับเสียงอนดุดันของ Tim Lambesis  จนในที่สุดก็ดึงอารมณ์เข้าสู่ท่อนฮุคที่เมโลดี้สุดเพราะนำพาเพลงพุ่งขึ้นสู่ความมันส์ถึงขีดสุ

วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

แนะนำ10 อันดับ วง Metal ในดวงใจ (part1)

สวัสดีครับวันนี้ผมมีวงMetal(ทั้งเก่าและใหม่) มาแนะนำกันครับ
เผื่อจะเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่เบื่อๆเพลงเก่าๆที่เคยฟังกันครับ
ต้องบอกก่อนนะครับว่าอันดับนี่จัดตามความชอบนะครับไม่อิงฝีมือ ยอดขาย หรือชารต์เพลง อะไรทั้งสิ้นนะครับ
เริ่มด้วยวงแรกกันเลยครับ


10.All That Remains
(Creditรูป http://www.siriusxm.ca/)
วง heavy metal  จาก Massachusetts  ออกอัลบั้มมา 7 อัลบั้มแล้วด้วยกัน(อัลบั้มล่าสุด The Order of Things พึ่งออกมาเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2015 ที่ผ่านมานี้เองครับ) แนวเพลงของวง เป็นความผสมผสานที่ลงตัว ของ Melodic Metalcore , Heavy metal และ Metalcore ส่วนตัวผมชอบเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ
Philip Labonte ที่มีการร้องว้ากสลับกับเสียง Clean ได้อย่างลงตัว ในส่วนของกีตาร์ผมชอบ Riffs ที่ดุดัน และการโซโล่ที่เต็มไปด้วยพลังและความไพเราะ สำหรับวงนี้เพลงที่ผมชอบมากเพลงหนึ่ง และเป็นเพลงทีจะขอแนะนำ ก็คือ เพลง Won't Go Quietly เพลงนี้เปิดTrack มาด้วย Riffs กีตาร์เท่ห์ๆตามไสตล์ Metalcore แล้วตามด้วย Riffs ไลน์ประสาน ที่ยิ่งเพิ่มมิติของเพลง จากนั้น Riffs กีตาร์ก็เปลี่ยนวิธีการเล่นให้ Support เสียงร้องที่เริ่มขึ้นอย่างมั่นคงและหนักแน่น ผมชอบท่อนโซโล่ของเพลงนี้ ที่ในขณะที่กีตาร์โซโล่กำลังบรรเลง ไลน์ริทึ่ม ก็ทำการsupport ต่อเติมไป อย่างครบถ้วน และที่ชอบที่สุดคือการโซโล่ด้วยเสียง Wah ในช่วงท้ายก็ให้อารมณ์จี๊ดจ๊าดอย่างถึงลูกถึงคน

9.Nightwish
(Creditรูป http://www.nuclearblast.de/)
คิดว่าคนที่ชื่นชอบฟังเพลงสาย symphonic metal  คงรู้จัก วงจาก Finland วงนี้กันเป็นอย่างดี
ด้วยความที่ดนตรีหนักแน่นและดุดันตัดกับเสียงร้องไสตล์ Opera บวกเสียงอลังการจาก Tuomas Holopainen มือ Keyboard, synthesizers ทำให้เป็นวง Metal ที่มือชื่อเสียงเป็นอย่างมาก สำหรับ Nightwish เพลงที่ผมอยากจะขอแนะนำ เป็นเพลง Bless the Child จากอัลบั้ม Century Child ที่ออกเมื่อปี 2002 เพลงเริ่มด้วยเสียงในไสตล์ Opera ก่อนจะตามด้วยBackground เสียงเครื่องสาย จากนั้นก็ถูกเติมเข้ามา ด้วยการย่ำกระเดื่อง ที่มาพร้อมกับเสียงกีตาร์ผ่านเอฟเฟค Distortion ก่อนที่เพลงจะถูกดึงอารมณ์ขึ้นอย่างลงตัว และเร้าใจ

8.Alter bridge
(Creditรูป http://therockrevival.com/wp-content/uploads/2014/07/Alter-bridge-banner.jpg)
สำหรับวงนี้เรียกได้ว่าเป็น Supergroup กันเลยทีเดียว เพราะเป็นการรวมตัวของยอดฝีมือ หนึ่งในนั้นที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วคือ Myles Kennedy รู้จัก Myles Kennedy ครั้งแรก ตอนมาเมืองไทย ในฐานะนักร้องนำให้กับ Slash ด้วยความที่ ร้องเพราะและเล่นกีตาร์ได้อย่างเซียน ทำให้วงนี้มีความน่าสนใจอยู่หลายส่วนอยู่แล้ว ยิ่งผนวกเข้ากับมือกีตาร์อีกคนอย่าง Mark Tremonti ที่ฝีมือดุดันทั้ง Riffs กีตาร์อันบ้าคลั่ง และการโซโล่ที่มักจะมีเสียงจาก Wah Pedal มาด้วยเสมอ (บางคอนเสิร์ตเมืองนอก บางครั้ง แฟนเพลงต่างชาติถึงกับแซวว่า มี Wah มากพอสำหรับวงถัดไปที่จะเล่นในเวทีนี้เลยทีเดียว)
สำหรับวงนี้ผมชอบแทบทุกเพลงเลยครับ แต่ถ้าจะให้เลือกมาแนะนำก็คงจะเป็นเพลง Calm The Fire จากอัลบั้ม Fortress เพลงนี้เริ่มมาก็พบกับ การเกากีตาร์ที่ให้อารมณ์หลอนๆก่อนที่ Myles จะเริ่มร้องด้วยเสียงที่ชวนเศร้าอย่างไรชอบกล ก่อนที่จะถูกกระชากอารมณ์ด้วยเสียงกีตาร์ที่ค่อยๆหนุนนำ จนกระทั่งRiffกีตาร์และไลน์กลองแน่นๆเสริมทัพเข้ามาอย่างลงตัว

7.Chunk! No, Captain Chunk!
  (Creditรูป https://thewellzstreetjournal.files.wordpress.com/2013/03/chunk-no-captain-chunk.jpg)
ผมมีโอกาสได้รู้จักวง Easycore จากฝรั่งเศส วงนี้ก็ตอนที่ได้ฟัง Punk Goes Pop 4 ที่เป็น Project ที่นำ เพลง pop มาเล่นใหม่ในไสตล์ Metal สำหรับอัลบั้มนี้ ทางวงได้เล่นในเพลง We R Who We R หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาศฟังอัลบั้ม Pardon My French ฟังครั้งแรกก็ชอบเลยครับ ด้วยความที่วงมีไสตล์ Pop Punk ผสมอยู่ด้วย เป็นการผสมที่ฟังแล้วน่าสนใจไม่ได้รู้สึกขัดกัน กลับเพลง Restart เปิด Track มาด้วย Riffs กีตาร์ ในไสตล์ที่วง Metal สมัยใหม่ชอบใช้กัน แต่กับวงนี้ ผมรู้สึกได้ถึงความแตกต่างและน่าสนใจ ยิ่งได้ฟังเสียง Clean ของ Bertrand Poncet นักร้องนำ ที่ร้องได้ดีทั้งเสียง Clean และ  unclean ยิ่งทำให้ Track นี้น่าสนใจจนถึงกับต้องฟังซ้ำหลายรอบเลยทีเดียวครับ ฟังอัลบั้มนี้ครั้งแรกก็บอกกับตัวเองเลยว่าวงนี้ติดตลาดแน่นอนเพราะเพลงเข้าถึงได้ไม่ยากเลย

6.Attack Attack!
(Creditรูป http://theticketrumba.com/ticket/image/production/1247/attack-web.jpg)
ผมเชื่อว่าถ้าคนที่ชอบMetalแนวคิดใหม่ๆคนไหนได้ฟังเพลง Sexual Man Chocolate ของวงจาก Ohio วงนี้ ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอนครับ ถึงแม้ว่าวงนี้จะมีการเปลี่ยนไสตล์ของเพลงในแต่อัลบัมค่อนข้างมากแต่ผมก็ชอบทุกอัลบั้มเลยครับ สำหรับอัลบั้มSomeday Came Suddenly และ Attack Attack!(ชื่อเดียวกับวง) ไสตล์จะออกไปทาง Metalcore ที่ได้รับอิทธิพลจาก Electronica แต่ในอัลบั้ม This Means War ไม่ได้ให้รู้สึกถึงความเป็น Electronica อีกแล้ว แต่ด้วย Riffs กีตาร์ที่เป็นเอกลักษณ์และตรงไปตรงมา บวกกับเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ Caleb Shomo ทำให้ผมเชื่อว่าหลายคนยังคงชื่นชอบ Attack Attack! อย่างแน่นอน สำหรับเพลงที่ผมขอแนะนำสำหรับวงนี้คงจะเป็นเพลง Sexual Man Chocolate นั่นแหละครับเพลงนี้เริ่มด้วยเสียงเปียโนบรรเลงที่ให้มิติเหมือนหลุดเข้าไปในความฝันแบบหลอนๆ ตามด้วยเสียงกลองที่กระชับก่อนที่กีตาร์จะกระหน่ำตามพอหอมปากหอมคอ แล้วเพลงก็เปลี่ยนอารมณ์ด้วยเสียงร้องแบบ Clean ที่ไพเราะ แต่ยังคงมีจังหวะกลองหน่วงๆ สร้างอารมณ์ให้เพลงอยู่ ตลอดเพลงมีรูปแบบการสร้างอารมณ์สลับไปมาที่น่าศึกษาสำหรับคนที่ชอบเพลงแนวนี้เป็นอย่างมาก

เป็นไงบ้างครับผ่านไปแล้วห้าวงนะครับ
สำหรับอีกห้าวงขอยกไปโพสต์หน้าละกันครับ
(ขอตัวไปกินข้าวเย็นกับเพื่อนๆก่อนครับ สวัสดี)

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

The Seeking ความกลมกล่อมแห่งดนตรี Hardcore

ในปัจจุบันมีวง Metal,Hardcore ก่อกำเนิดขึ้นมากมายหลายวง และคงปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยความที่มีวงจำนวนมากสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้แฟนเพลงและผู้สนใจ

รับฟังกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายครั้งเกิดความยากต่อผู้ฟัง เนื่องจากหลายวงแม้ทำดนตรีออกมาดี แต่ไม่มีจุดเด่นหรือเอกลักษณ์ ทำให้ผู้ฟังเกิดอาการ

เบื่อ หรือ เลี่ยน กับบทเพลงนั้นๆ ได้ครับ ประมาณว่า เอะอะอะไรก็ต้องริฟกีตาร์แบบนี้ จังหวะเดิมๆแบบนี้

แต่วันนี้ผมมีวงที่น่าสนใจมาให้คนที่ชอบฟังเพลงRock และ Metal ได้เลือกฟังกันครับ คาดหวังว่าจะสามารถทำให้ชีวิตการฟังเพลงของผู้ฟังทุกท่านเปลี่ยน

ไปครับ
The Seeking วง post-hardcore จาก Sacramento, California, United States วงนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2012 โดยมีสมาชิกดังนี้ครับ
vocalist : Taylor Green
guitarists : Dylan Housewright
guitarists : Grayson Smith
bassist : Shane Tiller
drummer : Ben Wood
วงนี้มีจุดเด่นในเรื่องของการเรียบเรียงเพลง มีความเข้าใจในเรื่องอารมณ์ของเพลงเป็นอย่างมากครับ สังเกตุได้จากการวางท่อนต่างๆ ใช้จังหวะต่างๆให้ผู้

ฟังเข้าถึงได้ในทุกบทเพลง มีหลายท่อนที่หากเป็นวงอื่นๆจะให้ความรู้สึกไม่ต่อเนื่อง สะดุด แต่ The Seeking กลับทำออกมาได้อย่างลงตัว และที่สำคัญ

ทางวงให้ความสำคัญกับเมโลดี้ เนื้อร้อง ไม่แพ้ part ดนตรีเลยครับ
ทางวงได้ปล่อยอัลบั้ม Yours Forever ที่ออกกับค่าย Razor & Tie ถือเป็นอัลบั้มที่ควรค่าแก่การมีไว้ในครอบครอบเลยทีเดียวครับ
ผมมีตัวอย่างบทเพลงมาให้ฟังกันด้วย เพลงนี้ชื่อ How Did You Know? ครับ เชิญรับฟังตามลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ




Issues วง metalที่ผสมผสานความดุดันกับความไพเราะได้อย่างลงตัว

Issues วง metalcore จาก Atlanta รัฐ Georgia ประเทศสหรัฐอเมริกา สังกัดค่าย Rise records เป็นวงmetal ที่มีเอกลักษณ์และมีความโดดเด่นกับไสตล์ดนตรีผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความเป็น Nu metal และ R&B วงIssues ออก EP อัลบั้มแรก ในชื่อว่า Black Diamonds ในช่วงปลายปี2013 โดยมีสมาชิก คือ Tyler Carter  ตำแหน่ง clean vocals  Michael Bohn รับหน้าที่bscreamed vocals โดยมีAJ Rebollo เล่นกีตาร์ Case Snedecor ในตำแหน่งมือกลอง Skyler Acord เล่นเบส และTyler "Scout" Accord ในตำแหน่ง keyboards ,synthesizers,programmingและ turntables อัลบั้มนี้เต็มไปด้วยริฟท์กีตาร์ที่ดุดัน สอดประสานไปกับเสียงร้องเสนาะหูของ Tyler Carters ในไสตล์ R&B และบรรยากาศของอัลบั้มถูกเติมแต่งด้วยเสียง synthesizers และ turntables ทำให้ไม่แปลกใจเลยที่เพลงอัลบั้มนี้จะเป็นที่ถูกใจผู้เสพดนตรีเมทัลจนสร้างฐานแฟนเพลงของวงได้อย่างรวดเร็ว ทางวงเริ่มออกทัวร์โดยเป็นวง supportร่วมกับวง Make Me famous , IceNine Kills และ Adestria นอกจากนั้นทางวงยังได้มีผลงานใน อัลบั้ม Punk Goes Pop 5 โดยได้ Cover เพลงBoyfriend ของJustin Bieber ที่ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่ในไสตล์ของissues


วงIssues ในปี2013 
(ขอบคุณภาพจาก http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/3/34/Issues-band-2013.jpg)