เรามาต่อกันจากโพสต์ที่แล้วกันเลยนะครับกับวงต่อไป
5.Memphis May Fire
(Credit รูปhttps://a1-images.myspacecdn.com/images03/14/61e66c32949545eba74fb5f073f74a17/300x300.jpg)
เมื่อปีที่แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมชื่นชอบไสตล์การเล่นแบบ Southern Metal ซึ่งผมก็ได้ค้นหาวงที่เล่นแนวนี้จำนวนหลายวงนั่นเองผมรู้จักวงจาก Texas วงนี้ ผมชื่นชอบทันทีที่ได้ฟังเพลง You're Lucky It's Not 1692 จากอัลบั้ม Sleepwalking และแม้ว่าในภายหลัง ทางวงจะเปลี่ยนไสตล์ แต่ผมยังคงชื่นชอบวงนี้ เพราะอีกปัจจัยหนึ่งก็คือเสียงร้องของ Matty Mullins ที่เป็นเอกลักษณ์ไพเราะในบางจังหวะ ดุดันในบางครั้ง และกระชากวิญญาณได้ในบางเวลา และยิ่งชอบมากขึ้นไปอีกในส่วนของเนื้อเพลงที่เขียนได้อย่างโดนใจและลงตัว บวกกับดนตรีที่ยังคงไว้ซึ่งท่อน Riffs ที่ดุดันตามแบบฉบับ Metal สมัยใหม่
เพลง You're Lucky It's Not 1692 เริ่มต้นด้วยกีตาร์อารมณ์แบบ Southern พร้อมด้วยการย่ำกระเดื่องเลี้ยงจังหวะไว้ ก่อนที่เสียงกีตาร์ผสมเสียงแตกจะ lead ขึ้นและนำเพลงเข้าสู่จังหวะสนุกๆ ปนกับเสียงร้องที่ดุดัน ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นการว้าก และแล้วเพลงก็ถูกเปลี่ยนอารมณ์อีกครั้งด้วยดนตรีที่หนักขึ้นอย่างมีเอกลักษณ์ในไสตล์ Southern Metal
4.Of Mice And Men
(Credit รูป http://blog.ticketmaster.co.uk/wp-content/uploads/2015/04/OMM_Main1.jpg)
มีรุ่นน้องคนหนึ่งของผมแนะนำให้รู้จักกับ Of Mice And Men แรกเริ่มผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ตอนฟังรอบแรก เพราะขณะนั้นก็มีวงอื่นที่ต้องการจะศึกษาอยู่ก่อนแล้ว จนเมื่อได้มาตั้งใจฟังอีกครั้งกับอัลบั้มแรก
ที่ชื่อเดียวกับชื่อวง ผมหูผึ่งในทันทีนั้นก่อนจะบรรจุทั้งอัลบั้มลงใน Ipod Gen 4 เครื่องเก่าเครื่องเดียวคู่ใจของผม สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมชอบมากๆกับ Of Mice And Men ก็คือ ความเรียบง่าย แต่เท่ห์ กล่าวคือดนตรีของ Of Mice And Men ไม่ได้เน้นการโซโล่ ไม่ได้เน่น Riffs ที่เล่นได้ยาก แต่กับเลือกใช้ Riffs ที่ง่ายๆ แต่ถึงลูกถึงคน ยกตัวอย่างเช่นเพลง The Ballad of Tommy Clayton & the Rawdawg Millionaire, Ben Threw,และ They Don't Call it the South for Nothing นอจากท่อน Riffs ที่ถึงใจแล้ว เสียงร้องของ Shayley Bourget ที่มีเอกลักษณ์ก็ทำให้เพลงมีมิติขึ้นด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยพลังและมีสำเนียงการร้องที่ชวนให้ร้องตามอย่างอดไม่ได้ สำหรับเพลงที่ผมชอบคงจะเป็น Second and Sebring เพลงเริ่มด้วย เสียงร้องของ Shayley Bourget พร้อมกับกลองหน่วงๆ ผนวกกับกีตาร์ที่ใช้ใช้คู่แปดดึงอารมณ์ หลังจากนั้นก็เข้าสู่จังหวะดุเดือดตามแบบฉบับ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงท้าย ที่เมโลดี้ เนื้อเพลง และวิธีการร้องที่ดึงอารมณ์คนฟังจนถึงขีดสุด เมื่อ เสียงร้องของ Shayley ดังขึ้น "this is not what it is only baby scars..." ก่อนที่เพลงจะจบลงด้วยเสียงร้องอันไพเราะ เค้ลาไปกับเสียงเปียโน
3.I see stars
(Credit รูป http://sumerianrecords.com/data/artist/photo/12.jpg)
ในยุคที่มีวงแนว electronicore ออกมากันไม่ขาดสาย คงทำให้หลายท่านรู้สึกเลี่ยนไปบ้างกับความซ้ำซาก ผมเองก็เช่นกัน จนแทบไม่อยากหาวงแนวนี้มาฟังแล้วจนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากฟังหลายๆวงของค่าย SumerianRecords แล้ว สายตาก็เหลือบไปเห็นวง I see stars วง electronicore จาก Michigan วงนี้เข้า ใน MV เพลง Ten Thousand Feet สาเหตุที่ผมชอบวงนี้เป็นเพราะไลน์ Electronic ของทางวง รวบรัด หมดจด และเมโลดี้สวยงามมาก เพลงที่ผมชอบก็คือ NZT48 ที่ถูกปล่อยมาเป็นซิงเกิลที่สองของอัลบั้ม Digital Renegade ผ่านทาง Youtube เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2012 เพลง นี้เริ่มด้วยเสียงร้อง ที่ค่อยๆเริ่มจากแผ่วเบาจนมีเสียง Electronic ดังขึ้นก่อนจะกระหน่ำด้วย Riffs แบบชาว Metal ก่อนจะเปลี่ยนอารมณ์เพลงไปเป็น Electronic อีกครั้งพร้อมเสียงร้องแบบ Clean ก่อนที่Electronic จะค่อยๆดันเพลงขึ้นไปจนความเป็น Metal และ Electronic ร่วมกันขับกล่อมบทเพลงให้ออกมาสนุกและมันส์
2.Trivium

(Credit รูป http://p3.no/musikk/files/2013/10/trivium_sea_clothes_bald_band_6931_1366x768.jpg)
วง Metal จาก Florida วงนี้กระแทกหูผมเข้าอย่างจังราวๆปี 2006 ตอนที่น้องของผมหยิบยื่น Ipod ของเค้ามาให้ผม
ผมถูกใจ Riffs กีตาร์ที่ดุเดือด ไลน์กีตาร์โซโล่ประสาน
และเสียงร้องเท่ห์ๆของ Matt Heafy ก็ทำให้ผมตัดสินใจติดตามผลงานเพลงของ
Trivium ในทันที ด้วยความที่ Trivium
เป็นวงแรกๆที่ผมได้ฟังตั้งแต่เริ่มฟังเพลง Metal ผมจึงเห็นพัฒนาการของแนวเพลงของวงนี้มาโดยตลอด
อัลบั้มที่ผมชื่นชอบที่สุดคือ In waves รองลงมาก็เป็น
Ascendancy ในอัลบั้ม Ascendancy แนวเพลงเป็น Metalcore
อย่างเต็มตัว จนพอมาถึงอัลบั้ม The Crusade ก็ถูกวิจารณ์ว่าให้ความรู้สึกเหมือน
Mettalica ยังไงยังงั้น อย่างไรก็ตามหลังจาก The crusade
ผ่านมาจนถึง Shogun จนกระทั่งทางวงออกอัลบั้ม In
waves ผมก็ชอบในทันทีอัลบั้ม In waves เป็นความลงตัวของ
Riffs ไลน์โซโล่
และเมโลดี้ในการร้องที่ผ่านการคัดสรรค์มาอย่างดี เพล ที่ผมชอบที่สุดในอัลบั้มนี้คือ In Waves ชื่อเดียวกับอัลบั้ม
เพลงด้วยการเริ่มต้นด้วยการหวดกลองและกระหน่ำกีตาร์แบบรุ่นใหญ่ ก่อนที่เสียงร้องที่เต็มไปด้วยเมโลดี้ที่งดงามของ
Matt จะแทรกเข้ามา ในตลอดช่วงท่อนฮุค
ให้ควมรู้สึกสนุกไปกับเพลงด้วย Riffs กีตาร์ตอดๆตามไสตล์ Corey
Beaulieu จนกระทั่งบทเพลงนำไปสู่ท่อนโซโล่ที่รวดเร็วและเร้าใจ
1.As I lay Dying
(Credit รูป http://www.metalsucks.net/wp-content/uploads/2014/06/as_i_lay_dying.jpg)
วันที่ 18 ตุลาคม 2007 ผมมีโอกาสได้ไปชม As I Lay Dying Live in Bangkok Concert ด้วยความที่ As I lay Dying เป็นวง Metal อันดับหนึ่งในดวงใจตลอดมาอยู่แล้ว ผมได้พบกับการเล่นสดที่ต้องบอกว่า สนุก มันส์ เปิดโลกทัศน์ ได้รับแรงบันดาจใจ และเมื่อยคอเป็นอย่างมาก วงจาก San Diego วงนี้ เอกลักษณ์ของวงอยู่ที่ Riffsกีตาร์ที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ของ Phil Sgrosso และไลน์กีตาร์โซโล่ของ Nick Hipa มือกีตาร์ตาร์หัวหยิกสุดเท่ห์ผู้นี้ ผนวกไปกับเสียงว้ากอันดุเดือดของ Tim Lambesis ไลน์กลองของ Jordan Mancino และเบสของ Josh Gilbert แล้ว นับว่าเป็นวง Metal ที่มีครบทั้งความมันส์และความสามารถทางดนตรีที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง และในปัจจุบันสมาชิกของ As I Lay Dying จะออกไปทำวงใหม่ในนาม Wovenwar ที่ผมเองก็ชอบวงนี่เช่นกัน แต่ใน Ipod Gen4 ของผมก็ยังคงบรรุเพลงของ As I Lay Dying ไว้อยู่เสมอ ผมชอบแทบทุกเพลงของ As I Lay Dying อยู่แล้ว จึงเป็นการยากที่จะบอกว่าชอบเพลงไหนที่สุด แต่ถ้าจะให้หยิบยกมาสักเพลงก็คงจะเป็นเพลง An Ocean Between Us เพลงนี้ เริ่มต้นด้วย Riff กีตาร์ และการรัว Snare เลี้ยงอารมณ์ขึ้นมาก่อนจะกระหน่ำด้วยการควบกระเดื่อง และเข้าสู่ท่อน Verse ที่ยังคงมี Riffs ที่น่าจดจำ และประคับประคองอารมณ์ของเพลงไว้ บวกกับเสียงอนดุดันของ Tim Lambesis จนในที่สุดก็ดึงอารมณ์เข้าสู่ท่อนฮุคที่เมโลดี้สุดเพราะนำพาเพลงพุ่งขึ้นสู่ความมันส์ถึงขีดสุ